แนวข้อสอบระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.2526 และแก้ไขเพิ่มเติม
1. ข้อใดคือหนังสือราชการ
ก. เอกสารของทางราชการ ข. เอกสารโต้ตอบในราชการ
ค. เอกสารที่ทางราชการทำขึ้น ง. เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ
ตอบ ง. เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ
2. หนังสือประทับตราแทนการลงชื่อให้ได้ในกรณีใด
ก. คำแนะนำ
ข. แถลงการณ์
ค. หนังสือที่ไม่เกี่ยวกับราชการ
ง. การส่งของเอกสาร หรือ บรรสารระหว่างส่วนราชการ
ตอบ ง. การส่งของเอกสาร หรือ บรรสารระหว่างส่วนราชการ
3. ถ้าผู้รับหนังสือเป็นรัฐมนตรีคำขึ้นต้นให้ใช้คำว่าอะไร
ก. เรียน ข. เสนอ
ค. กราบเรียน ง. ขอประธานกราบเรียน
ตอบ ก. เรียน
4. “งานสารบรรณ” มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. งานที่เกี่ยวกับระเบียบการร่างโต้ตอบหนังสือและเสนอความคิดเห็น
ข. งานที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารงานเอกสาร
ค. งานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการติดต่อกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกหน่วย
ง. งานที่ทำด้วยหนังสือนับตั้งแต่คิดร่าง , เขียน , แต่งพิมพ์ , จดจำ , ทำสำเนา , ส่งรับ, บันทึก ,
ย่อเรื่องเสนอ ,สั่งการ , ตอบ , เก็บเข้าที่และค้นหา
ตอบ ข. งานที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารงานเอกสาร
5. หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการมี 6 ชนิด คือข้อใด
ก. หนังสือภายใน , หนังสือภายนอก , หนังสือที่มีไปมาระหว่างกระทรวง, ส่วนราชการมีถึง
บุคคลภายนอก และหนังสือที่ลงรับไว้เป็นหลักฐานแล้ว
ข. หนังสือภายใน , หนังสือประทับตราแทนการลงชื่อ , หนังสือสั่งการและโฆษณาหนังสือ
ราชการที่ส่งออก และหนังสือราชการสำคัญเกี่ยวกับการเงิน
ค. หนังสือภายนอก , หนังสือภายใน, หนังสือประทับตราแทนการลงชื่อ , หนังสือสั่งการ
โฆษณา และหนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้นหรือรับไส้เป็นหลักฐาน
ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ง. ผิดทุกข้อ
6. กรรมการดำเนินการทำลายหนังสือประกอบขึ้นด้วยบุคคลอย่างน้อยกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. เท่าใดก็ได้
ตอบ ข. 3 คน
7. ถ้าผู้รับหนังสือเป็นรัฐมนตรีคำลงท้ายให้ใช้คำว่าอะไร
ก. ขอแสดงความนับถือ ข. ของแสดงความเคารพนับถือ
ค. ขอแสดงความนับถืออย่างสูง ง. ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ตอบ ก. ขอแสดงความนับถือ
8. ระเบียบสำนักงานนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับฉบับที่ 2 มีการแก้ไขมาตั้งแต่เมื่อใด
ก. วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ข. วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516
ค. วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2548 ง. วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2548
ตอบ ค. วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2548
9. หนังสือเรื่องใดที่ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานทางราชการตลอดไป
ก. เรื่องที่เกี่ยวกับการเงิน ข. เรื่องที่เกี่ยวกับระเบียบ
ค. เรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. เรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
10. “ประกาศ” จัดเป็นหนังสือชนิดใด
ก. หนังสือสั่งการ ข. หนังสือแถลงข่าว
ค. หนังสือแถลงการณ์ ง. หนังสือประชาสัมพันธ์
ตอบ ง. หนังสือประชาสัมพันธ์
ไฟล์ราคา 389 เพิ่ม 100 บาท แถมฟรี ชุดติวสอบ ภาค ก แบบเข้าใจง่าย
หนังสือราคา 789 บวก แถมฟรี MP3บรรยาย และโปรแกรมฝึกทำข้อสอบ ภาค ก
>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<
แนวข้อสอบเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป
1. ความรู้ทั่วไปทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ปัจจุบัน
1. ความต้องการหรือความจำเป็นข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม
ก. พึ่งตนเองได้ตามสัญชาตญาณของสัตว์โลก
ข. ได้รับการตอบสนองด้านสังคมจิตวิทยา
ค. ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้ชนรุ่นหลัง
ง. ได้รับการช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ตอบ ก. สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม มี 4 ประการ คือ
1) ความจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกัน
2) ความจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำตามความถนัด
3) ความจำเป็นต้องได้รับการตอบสนองความต้องการทางชีวภาพและความต้องการทางด้านสังคมจิตวิทยา
4) ความจำเป็นในการถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่คนรุ่นหลัง
2. องค์ประกอบของ “สังคม” ข้อใดเป็นกลไกด้านคุณภาพ ทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ก. มีพื้นที่อาณาเขตแน่นอน ข. มีการจัดระเบียบทางสังคม
ค. มีประชากรหรือสมาชิกของสังคม ง. มีความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคม
ตอบ ข. การจัดระเบียบทางสังคม สังคมจะต้องมีการวางระเบียบกฎเกณฑ์ เพื่อให้สมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่ช่วยจัดระเบียบสังคม คือ บรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ได้แก่กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีต่างๆ เป็นต้น
3. ข้อใดอธิบาย ผิด ความจริงเกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคม
ก. สมาชิกในสังคมมีเป้าหมายร่วมกัน ข. มีส่วนประกอบคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ค. มีระเบียบกฎเกณฑ์เป็นแนวทางปฏิบัติ ง. มีการรวมกลุ่มของคนในสังคม
ตอบ ข. โครงสร้างทางสังคมจะต้องมีส่วนประกอบเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
4. “รูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เพื่อสนองความต้องการในด้านต่างๆ ของสมาชิก เช่น
ความต้องการในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ นันทนาการ ฯลฯ” คำอธิบายนี้หมายถึงข้อใด
ก. สถาบันสังคม ข. บรรทัดฐานทางสังคม
ค. การขัดเกลาทางสังคม ง. สถานภาพทางสังคม
ตอบ ก. สถาบันทางสังคม (Social Institution) หมายถึง รูปแบบพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม เพื่อสนองความต้องการในด้านต่างๆ ร่วมกัน
ตัวอย่างเช่น สถาบันครอบครัวมีแบบแผนในการปฏิบัติที่สังคมยอมรับ คือ บิดา มารดา ต้องเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนบุตรของตนด้วยความรัก เป็นต้น
5. สิ่งที่เรียกว่า “กลุ่มสังคม” สมาชิกในกลุ่มจะต้องมีลักษณะสำคัญ 3 ประการดังนี้ ยกเว้น ข้อใด
ก. มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ข. มีกฎข้อบังคับและบทลงโทษเคร่งครัด
ค. มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ง. มีตำแหน่ง หน้าที่ และบทบาทแตกต่างกัน
ตอบ ข. ลักษณะที่สำคัญของกลุ่มสังคม มีดังนี้
1) สมาชิกในกลุ่มมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน หรือมีการกระทำระหว่างกันทางสังคม (Social Interaction) หมายถึง สมาชิกมีการปฏิบัติต่อกัน เช่น พูดคุยกัน ทำงานร่วมกัน ฯลฯ
2) สมาชิกในกลุ่มมีตำแหน่งหน้าที่ และบทบาทแตกต่างกัน โดยมีแบบแผนพฤติกรรมของกลุ่มที่เรียกว่า วัฒนธรรมย่อย
3) สมาชิกในกลุ่มมีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน มีความรักความผูกพันซึ่งกันและกัน
4) สมาชิกในกลุ่มมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน โดยกลุ่มสังคมนั้นจะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกในกลุ่มได้ เช่น ชมรมผู้ปฏิบัติธรรมของวัดสวนแก้ว สมาชิกมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสวงหาความสุขสงบในชีวิตตามแนวทางพระพุทธศาสนา ชมรมแห่งนี้จะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้
6. ข้อใด เป็นตัวอย่างของ “กลุ่มสังคม”
ก. ฝูงชนที่มุงดูขบวนแห่นางสงกรานต์ ข. กลุ่มนักเรียนที่ยืนรอรถเมล์ข้างถนน
ค. ลูกจ้างพนักงานในสำนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ง. กลุ่มวัยรุ่นเข้ามาชมการแสดงดนตรี
ตอบ ค. กลุ่มสังคม (Social Group) หมายถึง กลุ่มบุคคลที่สมาชิกในกลุ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างมีระเบียบแบบแผน เป็นที่ยอมรับซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีสัญลักษณ์ และมี ความสนใจคล้ายๆ กัน จึงทำให้กลุ่มมีลักษณะแตกต่างกับกลุ่มอื่นๆ
ตัวอย่างกลุ่มสังคม เช่น ข้าราชการในกระทรวงแห่งหนึ่ง สมาชิกสมาคมนิสิตเก่าของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สมาชิกมูลนิธิบำเพ็ญกุศลแห่งหนึ่ง หรือสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เป็นต้น
7. ข้อใดถ้า ไม่มี ความหมายของ “สถาบันสังคม” ก็ยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ก. บรรทัดฐานทางสังคม ข. การยอมรับร่วมกันของสมาชิกในสังคม
ค. สนองความต้องการต่างๆ ของสมาชิก ง. ความเชื่อและค่านิยมเป็นแบบแผนเดียวกัน
ตอบ ง. สถาบันทางสังคม (Social Institution) มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
1) กลุ่มสังคม สถาบันสังคมจะต้องมีกลุ่มสังคมต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันเศรษฐกิจจะต้องมีกลุ่มสังคมของผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และผู้ประกอบกิจการธนาคาร เป็นต้น
2) หน้าที่ สถาบันสังคมจะต้องมีหน้าที่หรือจุดมุ่งหมายในการสนองความต้องการของสังคมด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถาบันศาสนา ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจของสมาชิก
3) แบบแผนพฤติกรรมที่สมาชิกจะต้องปฏิบัติต่อกัน หมายถึง บรรทัดฐานทางสังคม ได้แก่ วิถีประชา จารีต และกฎหมาย ซึ่งสถาบันสังคมแต่ละแห่งย่อมมีบรรทัดฐานทางสังคมที่แตกต่างกัน
4) สัญลักษณ์และค่านิยม เป็นสิ่งที่ทำให้สมาชิกเกิดความรัก ความศรัทธาต่อสถาบันสังคมแห่งนั้น
8. สถาบันสังคมข้อใด เป็นสถาบันสังคมพื้นฐานในการสร้างสมาชิกในสังคมที่มีคุณภาพ
ก. สถาบันครอบครัว ข. สถาบันการศึกษา
ค. สถาบันศาสนา ง. สถาบันทางปกครอง
ตอบ ก. สถาบันครอบครัว หมายถึง แบบแผนพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวและ
เครือญาติ เช่น การสมรส การอบรมเลี้ยงดูบุตร การหย่าร้าง ฯลฯ
9. ลักษณะโครงสร้างทางสังคมข้อใด ถ้าสังคมใด ไม่มี สังคมนั้นจะหยุดนิ่งไม่อาจพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
ก. กลุ่มคนที่ติดต่อสัมพันธ์กัน ข. กฎเกณฑ์หรือแบบแผนในการปฏิบัติ
ค. วัตถุประสงค์ในการติดต่อสัมพันธ์กัน ง. การเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ตอบ ง. ลักษณะโครงสร้างทางสังคม ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เช่น จำนวนประชากรในสังคมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่างๆให้เหมาะสม เป็นต้น จะทำให้สังคมไม่อาจพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
10. “โครงสร้างทางสังคม” มีความหมายตรงกับข้อใดมากที่สุด
ก. ระเบียบกฎเกณฑ์ที่สมาชิกในสังคมต้องปฏิบัติ
ข. ความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพ บทบาท กับสถาบันสังคม
ค. ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนในสังคม ซึ่งเชื่อมโยงด้วยบรรทัดฐานทางสังคม
ง. สิ่งที่มารวมกันเป็นสังคมมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยรัฐบาล ประชาชน และวัฒนธรรม
ตอบ ค. โครงสร้างทางสังคม (Social Structure) หมายถึง ความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่มาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม โดยมี “บรรทัดฐานทางสังคม” เป็นที่เชื่อมโยงผูกพันระหว่างกัน